อมฤตา เทพธิดาจอมซน (เจิด จินตนา)

อมฤตา เทพธิดาจอมซน (เจิด จินตนา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: อมฤตา เทพธิดาจอมซน
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 200.00 บาท 50.00 บาท
ประหยัด: 150.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่ 1...

 

 

          ณ ยอดเขาสิเนรุที่สูงตระหง่านเทียมฟ้า มีเมฆหมอกปกคลุมอยู่ชั่วนาตาปี

            สถานที่แห่งนี้ ยังไม่เคยมีมนุษย์คนใดสามารถเดินทางไปถึง ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากผู้ที่ได้สร้างสมบุญบารมีเอาไว้อย่างมากมาย และหาชีวิตไม่แล้วเท่านั้น ถึงจะได้มีสิทธิ์ไปเห็นเป็นบุญตา

            ถูกแล้ว เพราะว่าที่นี่คือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

            ภายในกำแพงแก้วอันใหญ่โตมโหฬาร และงดงามวิจิตรตระการตา มีอุทยานขนาดใหญ่ ซึ่งดาดาษไปด้วยดอกไม้อันสดสวย ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วทุกสารทิศ

            นอกจากนี้ ยังมีสระโบกขรณี ที่มีน้ำใสดุจแผ่นกระจก รอบๆ สระถูกประดับด้วยก้อนหินที่มีรัศมีงดงาม มีแท่นที่นั่งสีขาวสะอาด สำหรับเหล่าเทพบุตรเทพธิดา มาหาความสำราญรอบๆ อุทยานสวรรค์แห่งนี้

            ที่กลางยอดเขาสิเนรุ มีปราสาทใหญ่โตมโหฬารหลังหนึ่ง สร้างด้วยแก้วแวววาวหลากสี วิจิตรงดงามที่สุดในสามโลก

            นี่คือ ไพชยนต์มหาปราสาท อันเป็นที่ประทับขององค์อมรินทราธิราช เจ้าแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หรือที่ชาวบ้านอย่างเราๆ ท่านๆ รู้จักกันดีในนามว่า พระอินทร์

            เรื่องของเรา เริ่มต้นขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้

            เมื่อพระสุริยทิตย์บนท้องฟ้าเคลื่อนคล้อยไปมากแล้ว องค์อมรินทร์ทรงพักผ่อนสำราญพระอิริยาบท อยู่ในตำหนักแก้ว ใกล้อุทยาน

            เคียงข้างด้วยพระชายาทั้งสาม นางสุธรรมา, นางสุจิตรา และนางสุนันทา

            อีกทั้งเทพธิดาทั้งสาม อันประกอบด้วย เทพธิดาอภิรดี พระธิดาของสุธรรมาเทวี เทพธิดาอรพิน พระธิดาของจิตราเทวี และเทพธิดาอรัญญาพระธิดาของสุนันทาเทวี และยังแวดล้อมไปด้วยเหล่านางฟ้า ที่คอยปฎิบัติรับใช้ คอยบรรเลงเพลงขับกล่อมให้เป็นที่เกษมสำราญ

            ในทันใดนั้น เสียงเพลงจากพิณสวรรค์อันแสนไพเราะเสนาะโสติ พลันหยุดนิ่งลง เมื่อสายตาของทุกคู่ในตำหนักแก้ว แลเห็นเทพบุตรสององค์กำลังเดินฝ่าอุทยานเข้ามา

            หนึ่งนั้นรูปร่างอ้วนเตี้ย อีกหนึ่งรูปร่างผอมสูง

            เทพบุตรร่างอ้วนเตี้ย มีก้อนกรวดขนาดใหญ่ประมาณลูกฟัก รูปยาวกลมรีอุดอยู่คับปาก ส่วนเทพบุตรร่างผอมสูง มีตอไม้ท่อนใหญ่รากยาว พันนัวเนียอยู่ตามร่างกาย ต้องโอบอุ้มตอไม้เดินมาอย่างทุลักทุเล เป็นภาพที่เห็นแล้ว ให้รู้สึกสมเพชเวทนา

            “สงสัยว่าน้องเรา คงจะไปก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้ว”

            เทพธิดาอภิรดีกระซิบบอกแก่เทพธิดาอรพิณและเทพธิดาอรัญญา เมื่อสองเทพบุตรเดินเข้ามาใกล้

            องค์อมรินทร์เสด็จลุกขึ้นจากพระอาสนะ เขม้นมองหน้าเทพบุตรทั้งสอง

            “ไฉนเจ้าทั้งสอง จึงมาหาข้าในสภาพเช่นนี้...เทพพิศาล เทพศักยะ?”

            เทพบุตรทั้งสอง พยายามคุกเข่าลงถวายบังคมอย่างยากลำบาก

            เทพบุตรร่างอ้วนผู้มีนามว่าศักยะอ้าปากจะกราบทูล แต่เพราะมีก้อนกรวดอุดปากอยู่ดึงมันไม่ออก จึงได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ดังลอดออกมา

            เทพบุตรร่างผอมสูงนามพิศาล จึงต้องเป็นฝ่ายกราบทูลแทน

            “ข้าแต่องค์อมรินทร์ผู้เป็นใหญ่ สาเหตุที่ข้าทั้งสองต้องมาเข้าเฝ้าพระองค์ ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้ เพราะโดนกลั่นแกล้งให้ได้รับทุกข์เวทนา ขอได้ทรงโปรด ให้ความเป็นธรรมแก่ข้าทั้งสองด้วยเทอญพระเจ้าข้า”

            “เป็นผู้ใดที่กลั่นแกล้งพวกเจ้า?”

            องค์อมรินทราธิราช ทรงตรัสถามด้วยพระสุรเสียงอันดัง

            สองเทพบุตรหันมองหน้ากันด้วยกาการลังเลใจ ก่อนที่เทพศักยะจะตัดสินใจกราบทูลตอบ

            “เทพธิดาอมฤตาพระเจ้าข้า”

            “อีกแล้วหรือนี่” จอมเทพทรงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินนามนี้ ก่อนจะหันไปมีพระบัญชากับสามพระธิดา “อภิรดี อรพิณ อรัญญา พวกเจ้ารีบไปตามอมฤตา มาหาข้าเดี๋ยวนี้”

            “เพคะ เสด็จพ่อ”

            สามเทพธิดารับสนองพระบุญชา แล้วพากันจรลีออกจากตำหนักแก้วอย่างเร่งรีบ

                        **********

            อุทยานสักกะวันอันสงบร่มรื่น เป็นวิเวกสถานที่สุชาดาเทวี พระชายาองค์ที่สี่ของพระอินทร์ ยึดถือเป็นที่ปฎิบัติธรรม

            เทวีผู้ทรงศีล มีความตั้งใจอย่างแรงกล้า ที่จะบำเพ็ญตะบะเพื่อแผ่เมตตาให้แก่เหล่าเทวดา และมนุษย์ทั้งปวง ดุจเช่นเมื่อนางยังมีวีวิตอยู่ในภพของมนุษย์ ครั้งเมื่อจุติเป็นมหาเทวีแห่งสวรรค์ดาวดึงส์แล้ว นางก็ยังคงยึดถือปฎิบัติเช่นนั้น อย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดมา

            สุชาดาเทวีทรงภูษาสีขาวสะอาด ประทับนิ่งอยู่ใต้ต้นกร่างใหญ่ พระพักตรงดงามอิ่มเอิบด้วยความเมตตา พระวรกายเปล่งรัศมีออกมาเรืองรองเจิดจ้า ด้วยบุญบารีที่สร้างสมมาช้านาน

            พลัน ความสงบเงียบแห่งอุทยานสักกะวันก็ถูกทำลายลง ด้วยน้ำเสียงอันบ่งบอกถึงความตื่นตระหนก จากเทพธิดาทั้งสามผู้มาจากไพชยนต์มหาปราสาท

            “มหาเทวี เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ”

            อภิรดี อรพิณและอรัญญา กรูกันเข้ามาคุกเข่ารายล้อมสุชาดาเทวี ส่งเสียงปลุกนางให้ตื่นจากภวังค์แห่งฌานตะบะ ที่กำลังบำเพ็ญอยู่

            “มีเรื่องอันใดกันหรือ?”

            เทวีลืมพระเนตรขึ้นมา ตรัสถามด้วยพระสุรเสียงอันราบเรียบ

            “เวลานี้ เทพพิศาลกับเทพศักยะไปที่ตำหนักแก้ว” เทพธิดาอรัญญาทูลรายงาน

            “ทั้งสองเทพกำลังกราบทูลฟ้องพระบิดาว่า โดนน้องอมฤตากลั่นแกล้ง” เทพธิดาอรพินทูลรายงานบ้าง

            “อมฤตามิได้อยู่ที่นี่หรอกหรือเพคะ มหาเทวี?”

            อภิรดี เทพธิดาองค์โตห่งสมเด็จพระอมรินทราธิราช ย่นหัวคิ้วมองไปรอบๆ สักกะวันอุทยาน

            “เจ้าย่อมรู้อยู่แก่ใจดีแล้ว นิสัยชอบซุกซนเช่นอมฤตาน้องของเจ้า มีหรือที่จะมาทนนิ่งเฉยอยู่ในวิเวกสถานเช่นนี้ได้” สุชาดาเทวีบอก แล้วย้อนถาม “น้องเจ้าไปก่อเรื่องอันใดขึ้นอีกหรือ?”

รายละเอียด

ตอนที่ 1...

 

 

          ณ ยอดเขาสิเนรุที่สูงตระหง่านเทียมฟ้า มีเมฆหมอกปกคลุมอยู่ชั่วนาตาปี

            สถานที่แห่งนี้ ยังไม่เคยมีมนุษย์คนใดสามารถเดินทางไปถึง ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากผู้ที่ได้สร้างสมบุญบารมีเอาไว้อย่างมากมาย และหาชีวิตไม่แล้วเท่านั้น ถึงจะได้มีสิทธิ์ไปเห็นเป็นบุญตา

            ถูกแล้ว เพราะว่าที่นี่คือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

            ภายในกำแพงแก้วอันใหญ่โตมโหฬาร และงดงามวิจิตรตระการตา มีอุทยานขนาดใหญ่ ซึ่งดาดาษไปด้วยดอกไม้อันสดสวย ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วทุกสารทิศ

            นอกจากนี้ ยังมีสระโบกขรณี ที่มีน้ำใสดุจแผ่นกระจก รอบๆ สระถูกประดับด้วยก้อนหินที่มีรัศมีงดงาม มีแท่นที่นั่งสีขาวสะอาด สำหรับเหล่าเทพบุตรเทพธิดา มาหาความสำราญรอบๆ อุทยานสวรรค์แห่งนี้

            ที่กลางยอดเขาสิเนรุ มีปราสาทใหญ่โตมโหฬารหลังหนึ่ง สร้างด้วยแก้วแวววาวหลากสี วิจิตรงดงามที่สุดในสามโลก

            นี่คือ ไพชยนต์มหาปราสาท อันเป็นที่ประทับขององค์อมรินทราธิราช เจ้าแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หรือที่ชาวบ้านอย่างเราๆ ท่านๆ รู้จักกันดีในนามว่า พระอินทร์

            เรื่องของเรา เริ่มต้นขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้

            เมื่อพระสุริยทิตย์บนท้องฟ้าเคลื่อนคล้อยไปมากแล้ว องค์อมรินทร์ทรงพักผ่อนสำราญพระอิริยาบท อยู่ในตำหนักแก้ว ใกล้อุทยาน

            เคียงข้างด้วยพระชายาทั้งสาม นางสุธรรมา, นางสุจิตรา และนางสุนันทา

            อีกทั้งเทพธิดาทั้งสาม อันประกอบด้วย เทพธิดาอภิรดี พระธิดาของสุธรรมาเทวี เทพธิดาอรพิน พระธิดาของจิตราเทวี และเทพธิดาอรัญญาพระธิดาของสุนันทาเทวี และยังแวดล้อมไปด้วยเหล่านางฟ้า ที่คอยปฎิบัติรับใช้ คอยบรรเลงเพลงขับกล่อมให้เป็นที่เกษมสำราญ

            ในทันใดนั้น เสียงเพลงจากพิณสวรรค์อันแสนไพเราะเสนาะโสติ พลันหยุดนิ่งลง เมื่อสายตาของทุกคู่ในตำหนักแก้ว แลเห็นเทพบุตรสององค์กำลังเดินฝ่าอุทยานเข้ามา

            หนึ่งนั้นรูปร่างอ้วนเตี้ย อีกหนึ่งรูปร่างผอมสูง

            เทพบุตรร่างอ้วนเตี้ย มีก้อนกรวดขนาดใหญ่ประมาณลูกฟัก รูปยาวกลมรีอุดอยู่คับปาก ส่วนเทพบุตรร่างผอมสูง มีตอไม้ท่อนใหญ่รากยาว พันนัวเนียอยู่ตามร่างกาย ต้องโอบอุ้มตอไม้เดินมาอย่างทุลักทุเล เป็นภาพที่เห็นแล้ว ให้รู้สึกสมเพชเวทนา

            “สงสัยว่าน้องเรา คงจะไปก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้ว”

            เทพธิดาอภิรดีกระซิบบอกแก่เทพธิดาอรพิณและเทพธิดาอรัญญา เมื่อสองเทพบุตรเดินเข้ามาใกล้

            องค์อมรินทร์เสด็จลุกขึ้นจากพระอาสนะ เขม้นมองหน้าเทพบุตรทั้งสอง

            “ไฉนเจ้าทั้งสอง จึงมาหาข้าในสภาพเช่นนี้...เทพพิศาล เทพศักยะ?”

            เทพบุตรทั้งสอง พยายามคุกเข่าลงถวายบังคมอย่างยากลำบาก

            เทพบุตรร่างอ้วนผู้มีนามว่าศักยะอ้าปากจะกราบทูล แต่เพราะมีก้อนกรวดอุดปากอยู่ดึงมันไม่ออก จึงได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ดังลอดออกมา

            เทพบุตรร่างผอมสูงนามพิศาล จึงต้องเป็นฝ่ายกราบทูลแทน

            “ข้าแต่องค์อมรินทร์ผู้เป็นใหญ่ สาเหตุที่ข้าทั้งสองต้องมาเข้าเฝ้าพระองค์ ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้ เพราะโดนกลั่นแกล้งให้ได้รับทุกข์เวทนา ขอได้ทรงโปรด ให้ความเป็นธรรมแก่ข้าทั้งสองด้วยเทอญพระเจ้าข้า”

            “เป็นผู้ใดที่กลั่นแกล้งพวกเจ้า?”

            องค์อมรินทราธิราช ทรงตรัสถามด้วยพระสุรเสียงอันดัง

            สองเทพบุตรหันมองหน้ากันด้วยกาการลังเลใจ ก่อนที่เทพศักยะจะตัดสินใจกราบทูลตอบ

            “เทพธิดาอมฤตาพระเจ้าข้า”

            “อีกแล้วหรือนี่” จอมเทพทรงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินนามนี้ ก่อนจะหันไปมีพระบัญชากับสามพระธิดา “อภิรดี อรพิณ อรัญญา พวกเจ้ารีบไปตามอมฤตา มาหาข้าเดี๋ยวนี้”

            “เพคะ เสด็จพ่อ”

            สามเทพธิดารับสนองพระบุญชา แล้วพากันจรลีออกจากตำหนักแก้วอย่างเร่งรีบ

                        **********

            อุทยานสักกะวันอันสงบร่มรื่น เป็นวิเวกสถานที่สุชาดาเทวี พระชายาองค์ที่สี่ของพระอินทร์ ยึดถือเป็นที่ปฎิบัติธรรม

            เทวีผู้ทรงศีล มีความตั้งใจอย่างแรงกล้า ที่จะบำเพ็ญตะบะเพื่อแผ่เมตตาให้แก่เหล่าเทวดา และมนุษย์ทั้งปวง ดุจเช่นเมื่อนางยังมีวีวิตอยู่ในภพของมนุษย์ ครั้งเมื่อจุติเป็นมหาเทวีแห่งสวรรค์ดาวดึงส์แล้ว นางก็ยังคงยึดถือปฎิบัติเช่นนั้น อย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดมา

            สุชาดาเทวีทรงภูษาสีขาวสะอาด ประทับนิ่งอยู่ใต้ต้นกร่างใหญ่ พระพักตรงดงามอิ่มเอิบด้วยความเมตตา พระวรกายเปล่งรัศมีออกมาเรืองรองเจิดจ้า ด้วยบุญบารีที่สร้างสมมาช้านาน

            พลัน ความสงบเงียบแห่งอุทยานสักกะวันก็ถูกทำลายลง ด้วยน้ำเสียงอันบ่งบอกถึงความตื่นตระหนก จากเทพธิดาทั้งสามผู้มาจากไพชยนต์มหาปราสาท

            “มหาเทวี เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ”

            อภิรดี อรพิณและอรัญญา กรูกันเข้ามาคุกเข่ารายล้อมสุชาดาเทวี ส่งเสียงปลุกนางให้ตื่นจากภวังค์แห่งฌานตะบะ ที่กำลังบำเพ็ญอยู่

            “มีเรื่องอันใดกันหรือ?”

            เทวีลืมพระเนตรขึ้นมา ตรัสถามด้วยพระสุรเสียงอันราบเรียบ

            “เวลานี้ เทพพิศาลกับเทพศักยะไปที่ตำหนักแก้ว” เทพธิดาอรัญญาทูลรายงาน

            “ทั้งสองเทพกำลังกราบทูลฟ้องพระบิดาว่า โดนน้องอมฤตากลั่นแกล้ง” เทพธิดาอรพินทูลรายงานบ้าง

            “อมฤตามิได้อยู่ที่นี่หรอกหรือเพคะ มหาเทวี?”

            อภิรดี เทพธิดาองค์โตห่งสมเด็จพระอมรินทราธิราช ย่นหัวคิ้วมองไปรอบๆ สักกะวันอุทยาน

            “เจ้าย่อมรู้อยู่แก่ใจดีแล้ว นิสัยชอบซุกซนเช่นอมฤตาน้องของเจ้า มีหรือที่จะมาทนนิ่งเฉยอยู่ในวิเวกสถานเช่นนี้ได้” สุชาดาเทวีบอก แล้วย้อนถาม “น้องเจ้าไปก่อเรื่องอันใดขึ้นอีกหรือ?”


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (69 รายการ)

www.batorastore.com © 2024